ทำเล ทำเล และ ทำเล คือคำตอบสุดท้าย

ทำเล ทำเล และ ทำเล คือคำตอบสุดท้าย !!!
                         

      โจทย์ข้อแรกที่ต้องตอบและต้องเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ก่อนตัดสินใจเปิดร้านเบเกอรี่คือ การหาทำเลที่เหมาะสม หลายคนบอกว่าทำเลไม่สำคัญที่สุด ฝีมือเรานั้นสำคัญกว่า ประมาณมั่นใจในฝีมือหรืออีโก้มากเกินไปหน่อย  พยายามหาเหตุผลมาหักล้าง
    เช่น เพราะเคยเห็นร้านอยู่ในซอยลึกสุด ประมาณถ้าไม่หลงทางคงไม่เจอ  แต่เผอิญๆๆๆ ฝีมือเทพมากๆ ยังอุตส่าห์มีลูกค้าแน่นร้าน  หรือ ไม่ต้องมีทำเลก็ได้เพราะเดี๊ยวนี้ใครๆ ก็เปิดร้านผ่านทางเนต ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก ทำขายแทบไม่ทันเลยครับ 


   อันนี้ไม่เถียงครับว่ามีจริง ลองยืนตัวตรงๆ ลดอีโก้ลดนิดนึง แล้วลองคิดตามว่ามีกี่ % เชียวที่โชคดีแบบนี้  ผมกำลังพูดถึงร้านส่วนใหญ่ครับ ลองคิดดูต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าลูกค้าจะติดร้านคุณที่อยู่ในทำเลแย่ๆ  กว่าจะถึงวันนั้น 1ปี 2 ปี หรืออาจนานกว่านั้น  เงินทุนหมุนเวียนพอไม๊ครับ กว่าจะถึงวันนั้น คงถอดใจปิดร้านหนีไปแล้ว หรือบางร้านกว่าที่จะขายดีเทน้ำเทท่า อาจจะเปิดมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ครับ ถ้าไม่อยากรอถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน เสียเวลาเลือกทำเลให้ดีก่อนตัดสินใจเปิดร้าน
1.    เจ๊งไม่เจ๊ง …. อยู่ที่ ทำเล ทำเล และทำเล
 
     ทำเลสำหรับธุรกิจเปรียบเสมือน สมรภูมิที่ตั้งฐานทัพ …ชนะหรือแพ้  ไม่ได้ขึ้นกับขนาดกองทัพ พลทหารชั้นดี และกลยุทธ์แค่นั้น สมรภูมิรบนั้นสำคัญมาก ..คงไม่มีแม่ทัพคนไหนโง่พอ  เลือกสมรภูมิที่ถูกปิดล้อมทุกด้าน ไม่มีทางหนี ข้าศึกยกทัพมา เก่งแค่ไหนโดนข้าศึกตีทุกวันย่อมอ่อนล้า ถอยไม่ได้ ก็ตายสถานเดียว  …..
    เช่นกัน หากเลือกเปิดร้าน บนทำเลที่ผิดแล้ว ก็ยากจะแก้ไข… นอกจากยอมแพ้ปิดร้านหนี…...แล้วเราจะเลือกทำเลที่ดีอย่างไรหละ
2.    ชนิดของทำเล
เพื่อง่ายต่อความเข้าใจผมขอแบ่งทำเลออกเป็น 2 แบบ
ทำเลเป็น 
   
เป็นทำเลที่มีคนผ่านทั้งวัน สามารถเข้าออกได้ง่าย เช่น ตามตลาด ป้ายรถเมล์ หรือตามห้างใหญ่ ทำเลพวกนี้เป็นทำเลที่ดี เพราะมีลูกค้าขาจรผ่านมาก แม้รสชาติธรรมดาไม่ดีเลิศประเสริฐศรี ก็สามารถขายได้ เพราะจะมีลูกค้าหน้าใหม่ๆผ่านมาอุดหนุนเรื่อยๆ แต่จะมีค่าเช่าทำเลค่อนข้างสูงครับ  ลองดูในกระเป๋าตังพอจ่ายไหวไม๊ครับ
ทำเลตาย 
   
    เป็นทำเลที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มเดิมๆ หน้าเดิมๆ สามารถผ่านเข้าออกได้ยาก เช่น ร้านแถวหอพัก ร้านในหมู่บ้าน ทำเลแบบนี้ส่วนตัวไม่ชอบครับเพราะผู้คนหน้าเดิมๆ คงไม่สามารถขายได้ทุกวัน ถึงแม้จะมีรสชาติดีแค่ไหน ยอดขายจะแค่ทรงๆตามปริมาณคนไม่หวือหวา  แต่ก็มีบางทำเลที่มีศักยภาพสูงมากเช่น ร้านที่ตั้งในตึกออฟฟิตที่คนออกมาหาอะไรทานยาก ร้านในโรงงานตามนิคม ผู้คนมีกำลังซื้อสูง แต่ถูกจำกัดหรือผูกขาดด้วยร้านไม่กี่ร้าน จะเดินออกมาก็เหนื่อยร้ เรียกว่าเป็นทำเลทองคำก็ว่าได้  ฝีมือห่วยแค่ไหนก็รวย ผมเห็นมาแล้ว ขายในโรงงานได้วันเป็นหมื่น ไม่นานขับเบนซ์ ใครเจอแบบนี้รีบคว้าไว้ด่วน บอกผมด้วยก็ดีนะ

3.    มาเลือกทำเลที่ดีกันดีกว่า
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมใช้หลักง่ายๆในการหาทำเลแบบนี้ครับ

1.    ใกล้บ้านครับ ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน
    อย่าเพิ่งหัวเราะ!! ฟังดูแล้วอาจดูตลก เหมือนนักเรียนต้องเลือกโรงเรียนใกล้บ้าน แต่เงื่อนไขนี้สำคัญที่สุดสำหรับผม ลองคิดตามนะครับ …หากได้ทำเลที่ดีจริง …แต่ไกลบ้าน ทุกเช้า คุณต้องตื่นแต่เช้า เดินทางฝ่าการจราจรอันแสนสาหัสโดยเฉพาะกรุงเทพ ติดอันดับเมืองที่การจราจรแย่ที่สุด ( น่าภูมิใจแทนคนไทยนะครับ ) กว่าจะปิดร้าน เดินทางกลับบ้าน นอน และต้องตื่นเช้าอีก …ถึงแม้คุณจะรักงานเบเกอรี่แค่ไหน ถอดใจแน่  แต่หากย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ก็แล้วแต่ครับ  ผมเคยผ่านสถาการณ์นี้มาแล้ว เครียดทุกข์และไม่สนุกเลย 
2.    ใกล้แหล่งขายอุปกรณ์เบเกอรี่
    อันนี้เป็นออฟชั่นเสริม หากได้ใกล้แหล่งวัตถุดิบจะดีมาก ช่วยประหยัดทั้งเวลา ค่าเดินทาง และที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องสต๊อกวัตถุดิบมากเกินไป ไม่เสี่ยงของหมดอายุ ใกล้หมดค่อยไปสั่งยังทันครับ แต่สมัยนี้ยังมีตัวเลือกในการสั่งของทางออนไลน์ ซึ่งมีข้อดีทั้ง ของราคาถูกกว่า ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ค่าน้ำมัน อาจมีค่าจัดส่งนิดหน่อย แต่ก็คุ้ม ข้อเสียคือต้องมีการวางแผนล่วงหน้าให้ดี ในการสั่ง เนื่องจากเวลาสั่งของ อาจนาน 5-7 วัน โดยส่วนตัวผมใช้วิธีสั่งทางเนต สะดวกกว่าเยอะครับ

3.    มี TRAFFIC ดีและมีคุณภาพ
   
    TRAFFIC ไม่ได้หมายถึงการจราจรบนถนน แต่ หมายถึงการสัญจรของผู้คนที่ผ่านร้านเราครับ  ร้านที่มีคนผ่านมาก ย่อมดีกว่า ร้านที่ผ่านน้อยอยู่แล้ว แต่สำคัญต้องมีคุณภาพด้วย คือเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณด้วย  เช่น  
-    หากเราขายกาแฟเป็นหลัก แต่คนที่ผ่านเป็นนักศึกษาที่ไม่ค่อยนิยมทานกาแฟ ก็ถือว่า Traffic ไม่มีคุณภาพ 
-    หากเราขายขนมเค้กเกรดพรีเมี่ยม  แต่คนเดินผ่านเป็นพวกเดินดินกินข้าวแกง Traffic ก็ไม่มีคุณภาพเช่นกัน
ขอแนะนำให้ลองตรวจสอบ Traffic ทำเลก่อน โดยสำรวจจากจำนวนคนที่เดินผ่านไปมา ในแต่ละช่วงเวลา ช่วงไหนมากช่วงไหนน้อย ลูกค้าเป็นกลุ่มคนประเภทไหน หรูหรา มนุษย์เงินเดือน หรือหาเช้ากินค่ำ เก็บเป็นข้อมูลจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
4.    ช่วงเวลา Peak ของ TRAFFIC ต้องเหมาะสม
    หลังจากเรารู้ช่วงเวลาที่ Traffic มากในแต่ละวัน ต้องมาพิจารณาต่อว่าเหมาะสมกับร้านเราหรือไม่ เช่น หากอยู่ในโซนพักอาศัย ช่วงเช้าถึงบ่าย ผู้คนจะค่อนข้างน้อยเนื่องจากไปทำงาน จะกลับช่วงเย็นถึงค่ำ  หากเราขายกาแฟ ย่านนั้นคงไม่เหมาะ เนื่องจากเวลาเย็นคงไม่มีใครกินกาแฟ แต่ถ้าหากอยู่ย่านออฟฟิตขายช่วงเช้า จะเหมาะสมกว่า
5.    ที่จอดรถเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
    ถึงร้านคุณจะน่าเข้าหรือขนมอร่อยแค่ไหน หากลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงได้ก็หมดสิทธิ์ ควรหาร้านที่มีที่จอดรถหรืออย่างน้อยอาจอยู่ใกล้บริเวณข้างเคียงที่สามารถจอดรถแล้วเดินมาร้านเราได้ เช่นตลาด ปั้มน้ำมันใกล้เคียง
6.    มีร้านคู่แข่งใกล้เคียงมากน้อยแค่ไหน
    
    ผมเคยเจอหลายร้าน เลือกทำเลได้ดีเหมาะสมทุกอย่าง เสียอย่างเดียว คือมีร้านคู่แข่งใกล้เคียงอยู่หลายร้าน ซึ่งทำให้ต้องเกิดการแข่งขัน ลำพังแข่งคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว หากต้องมาวิเคราะห์สู้กับร้านข้างๆคงแย่  ลองหาทำเลใหม่อาจดีกว่า แต่หากมีจำนวนลูกค้ามากจริงๆ ก็อาจลองเสี่ยงลงสนามสู้ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าคุณภาพของเราต้องสูสีหรือไม่ต่างกันมากนะครับ
   แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ลองเปลี่ยนจากคู่แข่งเป็นพันธมิตรกันดีกว่า เผื่อช่วยเหลือกันหาลูกค้า หาOrder พยายามปรับเมนูให้ไม่ซ้ำกัน เพราะมีมิตรดีกว่ามีศัตรู จริงไม๊ ผมเห็นมาหลายราย แข่งกันไปมา กลายเป็นตัวร้ายตายทั้งคู่ 5555

7.    ใกล้แหล่งลูกค้าอื่นๆ
    

    นอกจากงานขายหน้าร้าน การรับ Order ตามสั่งสำหรับประชุม สัมนา และอื่นๆ ก็เป็นรายได้เสริมที่น่าสนใจ หรืออาจกลายเป็นรายได้หลัก ไม่ง้องานขายหน้าร้านเลย หากมี Connection ดีๆ ดังนั้นลองเลือกทำเลที่ใกล้สถานที่ดังนี้ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ หรือกระทั่งแม้กระทั่งวัดวาอารามที่เราอาจได้ Snack box สำหรับจัดงานศพก็ได้

     ลองใช้เวลาวิเคราะห์ทำเลให้ดีก่อน ตัดสินใจนะครับ แต่อย่าลืมถึงแม้จะได้ทำเลดีแค่ไหน เปิดร้านแล้วก็ยังต้องใช้เวลาอีกซักพักกว่า จะเริ่มมีลูกค้าประจำ อาจจะนาน 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับส่วนประกอบปัจจัยอีกหลายอย่าง บทความหน้าจะแนะนำเพิ่มเติม เรื่องเทคนิคการออกแบบร้านเบเกอรี่ ติดตามต่อฉบับหน้าครับ

- See more at: http://www.ibaked-bakery.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น