เตาอบไฟฟ้า
ถือว่าเป็นพระเอกคนสำคัญ
ในการทำเบเกอรี่เลย ถ้าเป็นไปได้ยอมลงทุน
จ่ายในส่วนนี้จะดีมาก
เนื่องจากจะทำให้เราได้เค้กที่อบออกมาสวยงามอย่างเห็น
ได้ชัด ดีกว่า เตาอบขนาดเล็กและราคาถูก
ที่สำคัญช่วยทุ่นเวลาทำงานเราได้
เยอะครับ
หลายคนที่เป็นมือใหม่คงมีคำถามว่าเราจะเลือกใช้เตายี่ห้อ ไหน
แบรนด์ไหน และแบบไหนดี ที่สำคัญคุ้มค่า
ก่อนอื่นผมจะแนะนำชนิดของเตา
อบเบเกอรี่ให้เพื่อนๆได้รู้จักกันก่อนครับ
1. เตาอบขนาดเล็ก สไตล์ Homemade
เน้นใช้ในบ้านครัวเรือนที่ทำเบเกอรี่ทานกันเองหรือเรียกว่าเบเกอรี่โฮมเมด
แต่ก็สามารถใช้กับร้านที่ไม่เน้นขายเบเกอรี่มากนัก
เช่นร้านกาแฟที่มีเบเกอรี่เป็น
ส่วนเสริม หรือร้านที่ทำขนมต่อวันน้อย
เน้นขายหน้าร้านอย่างเดียว จะมีขนาด
ตั้งแต่ 30 จนถึง 70 กว่าลิตร ราคาก็อยู่ประมาณหลักพัน แต่ไม่เกินหมื่น
มีขาย
ตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
แต่หากซื้อผ่านทางร้านค้าออนไลน์ในเนตจะได้ราคาถูกว่าหลักร้อยครับ เตา
อบชนิดนี้มีแต่แบบไฟฟ้า
การให้ความร้อนทำโดยจ่ายกระแสไฟเข้าขดลวดความ
ร้อนทั้งด้าน บนและล่างของเตา
โดยส่วนใหญ่จะสามารถปรับไฟบน
ล่างแยก
จากกันได้ ตั้งอุณหภูมิ
และเวลาเปิดปิดได้
มีพัดลมสำหรับกระจายความร้อนให้สม่ำเสมอ
แต่เนื่องจากขนาดของเตาที่
ค่อนข้างเล็ก
ทำให้อบเค้กต่อเตาได้จำนวนน้อย รวมถึงการกระจายอุณหภูมิ
แต่ละจุดในเตาไม่เท่ากัน
โดยบริเวณที่อยุ่ใกล้คอยล์
จะมีความร้อนสูงกว่าส่วน
อื่น ซึ่งทำให้ขนมที่วางคนละตำแหน่ง
อาจสุกไม่พร้อมกัน หรือบางครั้ง ต้องมี
การปรับไฟ บน
ล่างตามความเหมาะสมของขนมที่อบด้วย
ที่สำคัญหากอบเป็นเวลานานเกิน อุณหภูมิอาจตกลงไม่เท่าค่าที่ตั้งไว้
ดังนั้
จำเป็นต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบวางมาวัดค่าก่อนอบขนมทุกครั้ง
โดยรวมถือว่า
ไม่ยุ่งยากมากหากเราทำขนมจำนวนจำนวนน้อยๆ แต่หากมีออเดอร์มากขึ้น
การ
ใช้เตาอบขนาดเล็กจะเกิดปัญหาอย่างมากเช่น ขนมไม่สุกตามเวลาที่ตั้งไว้
ขนน
ที่ออกจากถาดบนและถาดล่างมีความต่างกันมาก
ที่สำคัญหากเราปล่อยขนมอบ
ไม่สุกดีถึงมือลูกค้า เสียชื่อแน่ๆครับ
เลือกให้ดี
2. เตาอบขนาดใหญ่
สำหรับร้านเบเกอรี่โดยเฉพาะ
เตาแบบนี้สามารถหาซื้อได้จากร้านอุปกรณ์เบเกอรี่โดยเฉพาะ
เช่นย่าน
กล้วยน้ำไท ราคาหมื่นขึ้นจนถึงหลักแสนครับ
แล้วแต่จุดประสงค์การใช้สามารถ
ใช้สำหรับร้านเบเกอรี่ทั่วไปจนถึงโรงงานผลิตเพื่อจำหน่าย
ข้อแตกต่างจากเตาอบขนาดเล็กคือ
กำลังการผลิตที่สูงขึ้นมากและความ
เสถียรอุณหภูมิของเตา
รวมถึงคุณภาพของขนมที่อบออกมาดีกว่า
ไม่ต้องวุ่นวาย
ปรับไฟบนล่าง มากนัก
เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การ
ทำความร้อนและคุมความร้อนได้ดีทั่วถึงทั้งเตาอบ
โดยเตาชนิดนี้จะสามารถแบ่ง
ออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ
เตาอบแบบใช้แก๊ส
เตาอบแบบนี้จะมีราคาถูกสุด หลักหมื่นต้นๆ
และนิยมใช้กันมากในร้านเบเกอรี่
ทั่วๆไป เนื่องจากราคาไม่สูงนัก
และประสิทธิภาพถือว่าค่อนข้างดี และไม่เปลือง
ไฟ เนื่องจากใช้แก๊สติดไฟ ทำความร้อน
แต่ค่อนข้างยุ่งยากในการจุดไฟ ต้องมี
การปรับวาล์วเพื่อให้ได้เปลวไฟที่เหมาะสำหรับการอบ
แต่หัดสักพักก็จะชินไม่
ยากครับ
แต่ระวังเรื่องแก๊สให้ดีๆเวลาจุดครับ
เตาอบแบบแก๊สแต่ใช้ไฟฟ้าคุม
เตาแบบนี้ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงในการจุดเช่นกัน
แต่มีพัฒนาการมาอีกขั้น
โดยการติดตั้งอุปกรณ์ไปควบคุมการเปิดปิดวาว์ลปล่อยแก๊สด้วยระบบไฟฟ้า
เพื่อให้แก๊สปล่อยมากน้อยตามอุณหภูมิที่เราต้องการ
ลดความยุ่งยากในการจุด
เตาและประหยัดค่าแก๊สได้มากขึ้น
แต่ก็มีราคาสูงขึ้นมากเกือบหลักห้าหมื่นครับ
เตาอบแบบไฟฟ้า
อันนี้ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ราคาหลักแสน
ผมไม่ขออธิบายในที่นี่เพราะไม่ได้ใช้อยู่แล้ว
ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อเตาอบต้องตอบให้ได้ก่อนว่า
ร้านเบเกอรี่ของเราจะ
เป็นรูปแบบไหน เช่นหากเน้นขายเครื่องดื่ม และทำเค้กวันละ 4-5 ก้อนเสริมขาย
หน้าร้าน เลือกเตาอบขนาดเล็กก็พอครับ แต่หากคิดว่าจะมีการรับ Order
เพิ่ม
เช่นsnack box สำหรับงานสัมนาเป็นร้อยกล่อง
เลือกเตาอบขนาดใหญ่เลยครับ
คุ้มค่ากว่า ไม่เหนื่อยด้วย และเช่นกันหากคิดเปิดร้านเบเกอรี่โดยเฉพาะ
เลือก
เตาอบขนาดใหญ่ครับ แต่จะเลือกแบบแก๊ส หรือแก๊สคุมด้วยไฟฟ้า
ขึ้นอยู่กับเงิน
ในกระเป๋าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น