7 วัน ที่ฉันตื่น ( จบ )



  หลังจากที่ทุกคนพากเพียร กำหนดอิริยาบถย่อย ตั้งแต่ตื่น ยัน เข้านอน ไม่เว้นกระทั่ง ทานข้าว อาบน้ำ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ปิดวาจาไม่พูด ไม่สนทนาหากไม่จำเป็น สิ่งที่ผมเริ่มสัมผัสในวันที่ 3 ของการอยู่ที่นี่ คือ



   1. สบายใจอย่างบอกไม่ถูก 

   เพราะว่าความว่างจากความคิดในหัว ไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่ก็มีความสุข นั่งจิบกาแฟ นั่งฟังเสียงนกร้อง นั่งมองดูมดแดงทำรังก็สุข ไม่ได้เป็นบ้า ไม่ได้โดนสะกดจิต ไม่ได้ดมยา นะครับ ยังมีสติตลอดเวลา 55 ตามความเข้าใจผมน่าจะเกิดจากที่เรากำหนดรู้ ทุกอิริยาบถ กำหนดสิ่งที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรือเราเรียกว่าอายตนะทั้ง 6 เช่น

เห็นภาพอะไรเข้ามาทางตา ก็กำหนด “ เห็นหนอ ”
ได้ยินเสียงอะไร ก็กำหนด “ ยินหนอ ”
ได้กลิ่นอะไรไม่ว่าจะหอมหรือเหม็น ก็กำหนด “ กลิ่นหนอ ”
ทานอาหารลิ้นได้รับรสอะไร ก็กำหนด “ รสหนอ ”
ร้อนหนาวเจ็บปวดกาย ก็กำหนด “ร้อนหนอ” “หนาวหนอ”
เบื่อ หงุดหงิด ก็กำหนด “เบื่อหนอ หงุดหงิดหนอ ”

    เมื่อสามารถกำหนด ได้ทัน สิ่งที่เข้ามากระทบ จะถูกหยุดตัดออกและไม่ถูกจิตเอาไปคิด ไปปรุงแต่งต่อเช่น เห็น ผู้หญิงสวย ถ้ากำหนดไม่ทัน จิตก็ปรุงต่อไป สวยจังเลย - ขาวจังเลย เสป็คเลย เนี้ย -มีแฟนหรือยังหว่า -- อยากรู้จักจังเลย ... เค้าจะมองเราบ้างไหมเนี้ย .... บร้าๆๆๆๆๆๆ ต่อยอดความคิดไปเป็นหางว่าว 

   ในความจริงทุกๆวันเราต้องกระทบสิ่งเร้าทุกอย่างทาง ประสาทสัมผัสทั้ง 6 จิตที่เป็นตัวรู้ ตัวคิด ก็จะแทบไม่มีโอกาสได้พักผ่อนเลย สังเกตซิครับ ขนาดจะเข้านอนพักผ่อน แต่จิตก็ยังคิด ตลอดจนนอนไม่หลับเก็บไปฝันต่อ เราไม่สามารถหยุดความคิด ให้จิตเราพักผ่อนได้เลย …… 

   ด้วยการกำหนดรู้ตามที่อาจารย์สอน ทำให้จิตใจเราเริ่มคิดน้อยลง หรือรู้ทันความคิด เป็นการทำให้จิตได้พักผ่อน ความเครียดทั้งหลายจึงถูก delete ออกไปจิตใจ เราจึงมีความสุขสงบในจิตใจนั่นเอง และ เมื่อจิตเรามีความคิดน้อยลง เราก็สามารถเลือกที่จะคิดอะไรเป็นเรื่องๆ ได้ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไปเรื่อยเปื่อย ความคิดเราจะแหลมคมขึ้น คิดอะไรก็จะถูกต้องมากขึ้น

   2. เข้าใจคำว่ามีความสุขจากภายในที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อความสุข เป็นยังไง

   ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะหลายๆเล่ม เค้าบอกว่าคนเรามีความสุขได้จากภายในได้ แต่ทุกวันนี้คนจะมีความสุขจากเงื่อนไขภายนอกเป็นส่วนใหญ่ เช่น ผมจะมีความสุขนะ ถ้าได้เลื่อนตำแหน่ง ถ้ามีแฟนสวย ถ้าได้รับเงินเดือนเพิ่ม ถ้ามีรถแพงๆ ถ้าได้ไปเที่ยวช๊อปปิ้งต่างประเทศ

   ส่วนทุกข์เอง ก็เกิดที่ใจเช่นกัน ต้องดับได้ที่ใจเราเอง ไม่ใช่ไปดับที่ผับ คาราโอเกะ อ่านก็เข้าใจนะ ดูดีเลยทีเดียว ใครคิดได้เนี้ย เก่งจัง แต่พอเจอเหตุการณ์จริงๆ โดนจังๆ เฮ้ยๆ!!! ไม่เห็นเหมือนเค้าบอกเลย นั่งอยู่บ้านอยู่คนเดียวดูดิจะหายไม๊ ไม่หายเลยยิ่งคิดมาก ยิ่งเหงายิ่งทุกข์ ไปกินเหล้าให้เมากับแก๊งค์ แล้วก็นั่งเหล่สาว หายแน่ๆ แต่พอกลับมาบ้าน สายๆ หายเมา ก็ทุกข์มากกว่าเหมือนเดิมอีก ปวดหัวหว่ะ ไม่ยักหาย

   แต่ตอนนี้ วันที่ 4 ผมเข้าใจแล้วจริงๆ เห็นแล้วจริงๆ จากการปฏิบัติ ไม่ต้องอ่านหนังสือย้ำไปย้ำมา หลายรอบ ไม่ต้องเอาไปนอนหนุนหัว ให้ออสโมซิส เข้าหัวเหมือนสมัยเรียนแล้วครับ เราสามารถมีความสุข โดยไม่มีเงื่อนไขภายนอก แล้วเราก็สามารถดับทุกข์ที่เกิดที่ใจ ได้ด้วยใจ ไม่ต้องพึ่งทองหล่อแล้วครับ (ผับแถวทองหล่อจะฟ้องร้องผมไหมเนี้ย)

   เพื่อนหลายๆคนอาจจะพบเจอความจริงอะไรมากกว่านี้ แต่อย่างน้อยสิ่งที่รู้แค่นี้ ผมก็พอจะเข้าใจความสำคัญธรรมะของพระพุทธเจ้ามากขึ้นแล้วครับ ผมไม่ได้บรรลุได้ฌานอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่ได้คือคำตอบข้อสงสัยของผมว่า ทำไมเราทำบุญทำทาน เข้าวัดฟังธรรม รักษาศีล สวดมนต์ทุกคืนที่ใครแนะนำว่าดี แล้ว ทำไมบางครั้งก็สุข แล้วทำไมหลายๆครั้งผมก็ยังต้องทุกข์ ผมทำบุญเยอะขนาดนี้ทำไมต้องทุกข์ด้วย เลิกทำดีกว่า 

   สิ่งนี้ผมเข้าใจผิดมาตลอด เพราะผมทำทาน รักษาศีล แต่เรายังขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดคือขาดการภาวนา (ปฏิบัติธรรม) นั่นเองแหละครับ สิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนมุมมองทางความคิดของผม ที่ผมเข้าใจได้จากการปฏิบัติเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาทิตย์เดียว แต่ผมก็พอมองเห็นเส้นทางลางๆ ที่ผมจะเดินต่อไปแล้วครับ อาจจะมีหยุดพักบ้าง ท้อบ้าง เจอหลุมเจอบ่อ ถึงจะเดินไปช้าๆ เหมือนเต่า แต่รับรองไม่หลงทางครับ ผมมั่นใจ

   วันสุดท้าย ที่ทุกคนอยากให้ถึงวันนี้ เร็ว ๆ เพราะอยากให้ ภาระกิจในการปฏิบัติของพวกเราสำเร็จลุล่วง แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ไม่ใช่น้อย เสียดายอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้พวกเราจะแทบไม่ค่อยได้คุยกันหรือทำความรู้จักกัน แม้จะนอนข้างเตียง ในห้องเดียวกัน (เฮ้ย !! พี่ต๋อย Hi-Jack ศิลปิน RS นอนข้างเตียงผมนะ โพดชอบร้องพี่เค้าเลย เวลาอกหัก ซะใจดี อืมแต่ต้องคนอายุเกิน 30 ถึงจะรู้จักนะ แฟนเค้ากระซิบบอกมา )

   ผมสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีของลูกโยคีทุกท่าน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับคอร์สดีๆ แบบนี้ ปีหน้าฟ้าใหม่ ถ้าหัวหน้าอนุญาต ให้ลางานได้ยาว คงได้เจอกันปีหน้านะครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่มองหาคอร์สปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือกระแสอินเทรนด์ก็ตาม อย่าผลัดวันประกันพรุ่งนะครับ Do it now เพราะไม่มีใครบอกได้ว่า วันพรุ่งนี้หรือชาติหน้าจะมาก่อนกัน

และสำหรับใครที่อ่านบทความนี้จบแล้วอยากจะลองไปบ้าง ก็เข้าไปดูตารางและคอร์สปฏิบัติธรรมได้
ตามลิ้งค์นี้นะครับ http://www.baanpootmontha.com/


< 7วันที่ฉันตื่น (1)>/ <7วันที่ฉันตื่น (2)>

I – Baked in temple

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น